24 เมษายน 2566
เรื่องและภาพ: ธันยพัฒน์ ท้าวก๋า, อดิศักดิ์ แก้วเเสง, นฤมล แซ่หลี่, วาสิตา แซ่หวั่ง, เบญญาภา แก้วสุวรรณ์ และปาริฉัตร ศิริพงษ์ธเนร /โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม
หลังสถานการณ์โควิด-19 จบไปแล้ว การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเบ่งบาน และกลายเป็นรายได้หลัก และเศรษฐกิจหลักของชุมชน และยังเป็นความหวังของการเติบโต GDP ของประเทศก็ว่าได้ ทิศทางการท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลกลับมาสู่ชุมชนก็มีมากขึ้น รวมถึงเชียงดาว เมืองแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็เช่นกัน สังเกตได้จากเที่ยวบินที่มาเชียงใหม่ที่หนาแน่นเกือบทุกวันแม้ว่าจะมีสถานการณ์ฝุ่นควัน PM2.5 มากเพียงใด และในห้วงเวลาเกือบ 3 ปีที่การท่องเที่ยวหยุดชะงักก็เป็นโอกาสให้ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมก็กลับมาฟื้นตัวไปด้วย และในระดับชุมชน เครือข่ายชุมชน ผู้ประกอบการเองก็มีเวลาในการตั้งหลัก ค้นหาแนวทางการจัดการท่องเที่ยวในชุมชนมากขึ้น จากการสรุปบทเรียนแหล่งท่องเที่ยวที่เคยหนาแน่น เช่น บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ และประกอบกับการประกาศให้ดอยหลวงเชียงดาวเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล ทำให้คนเชียงดาวมีเวทีพูดคุยในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าอยากให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวเชียงดาวอย่างรู้คุณค่าของชุมชน รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กันด้วย จึงมุ่งเน้นทำงานรณรงค์กับนักท่องเที่ยวที่จะมาสู่เชียงดาวให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการท่องเที่ยวแบบเดิม ๆ และหันมาท่องเที่ยวแบบรู้คุณค่าของชุมชน เข้าใจวิถีชีวิต ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ของเชียงดาวให้มากขึ้น
สื่ออินโฟกราฟิกชุดนี้ผลิตขึ้นโดยกลุ่มเยาวชน “โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม” ที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการสร้างนักสื่อสารสิ่งแวดล้อมเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มูลนิธิสื่อประชาธรรม โดยเยาวชนได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากชุมชนที่มีการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยการจัดการท่องเที่ยวที่คำนึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย เช่น มีการจัดการเรื่องขยะ การห้ามทิ้งขยะในเขตป่า การไม่บุกรุกธรรมชาติ ไม่ล่าสัตว์ และบางชุมชนมีกฎระเบียบป่าชุมชนที่นำมาใช้กับนักท่องเที่ยวด้วย เช่น บ้านแม่นะ ที่ชุมชนมีการผลิตก๋วย (ตะกร้าไม้ไผ่) และมีกฎกติกาในการใช้ไม้ในเขตป่าชุมชนด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะได้เรียนรู้วิถีของชุมชนที่พึ่งพิง และเกื้อกูลกับธรรมชาติไปพร้อมกัน บางชุมชนมีสัตว์ป่าหายากที่ต้องอนุรักษ์ไว้ เช่นบ้านเมืองคองกับรักษา นกกระเต็น เป็นต้น
สื่อชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ อ.เชียงดาวที่มีการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ บางชุมชนเพิ่งจะเริ่มต้น และมีการวางระบบการจัดการเพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวที่จะมาถึงในช่วง high season ที่จะมาถึง ก็ได้แต่หวังว่าการจัดการท่องเที่ยวในลักษณะแบบนี้ที่เห็นคุณค่าของชุมชนที่พึ่งพิงและใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติ และการทำให้นักท่องเที่ยวเห็นคุณค่า และเคารพธรรมชาติ เข้าใจวิถีของชุมชนจะกลายเป็นทิศทางหลักของการท่องเที่ยว และทำให้เกิดความยั่งยืนต่อการใช้สอยประโยชน์จากธรรมชาติทั้งในแง่การเยียวยาจิตใจ และในแง่ที่เกิดประโยชน์กับคนท้องถิ่นไปพร้อม ๆ กัน
น้ำตกศรีสังวาลย์
น้ำตกศรีสังวาลย์ เป็นน้ำตกที่ได้รับพระราชทานชื่อจากสมเด็จย่าเมื่อครั้งท่านเสด็จเสวยพระกระยาหารกลางวัน เป็นน้ำตกหินปูนขนาดกลาง มีความกว้างประมาณ 10 – 15 เมตร มีความสูงประมาณ 10 – 20 เมตร มีน้ำตก 3 ชั้น ไหลลงเป็น 3 ช่วง เกิดจากขุนน้ำนาหวาย สภาพทั่วไปบริเวณน้ำตกมีพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่บ้าง ตอนต้นน้ำพื้นที่ไกล้เคียงถูกแผ้วถางป่า ป่าโปร่งมีป่าไผ่แทรกอยู่บ้าง (เป็นตาน้ำซับ) ตอนท้ายของน้ำตกยังมีสภาพอุดมสมบูรณื มีทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 2 กิโลเมตร เป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง มีเหียง กล้วยไม้ที่ดอกออกช่วงเมษายน เช่น เอื้งแปรงสีฟัน เอื้องเงิน กะเรกะร่อน ช้างนาว สิงโต เอื้งคำ มีต้นรักใหญ่ พุงปลาช่อน ชายผ้าสีดา จุดสูงสุดของเส้นทางมีศาลาให้นั่งพักชมทิวทัศน์ทิวเขาที่สลับซับซ้อน และดอยหลวงเชียงดาว น้ำตกนี้อยู่ที่บ้านนาหวาย ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว ห่างจากทางหลวงหมายเลข 1178 ช่วงเมืองงาย-บ้านนาหวาย ประมาณ 150 เมตร แยกที่ กม.24 อยู่ห่างจากอำเภอเชียงดาวประมาณ 35 กิโลเมตร การคมนาคมสะดวกสบาย
ประชาธรรมคือองค์กรสื่อทางเลือกที่ก่อตั้งเมื่อปี 2542 โดยกลุ่มนักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรชุมชนในเขตภาคเหนือ