เมื่อวาน (22 พฤศจิกายน 2565) เวลา 10.00 น. ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ จัดงานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 8/2566 ณ กาดฉำฉา ชุมชนโหล่งฮิมคาว บ้านมอญ ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ในประเด็น “หมอกควันไฟป่ากับโอกาสเกิดโรคมะเร็งปอดของคนเชียงใหม่”
ผู้ร่วมแถลงข่าวได้แก่ นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชียงใหม่, นายประดิษฐ์ สีใส ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1, นายแพทย์กาจบัณฑิต สุรสิทธิ์ ผู้แทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ และนางสาวสุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจ, กองเลขานุการสมัชชาสุขภาพจังหวัดเชียงใหม่
นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันไฟป่า การเตรียมความพร้อมว่า ได้มีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและ PM 2.5 ถือว่าเป็นการเริ่มที่เร็วกว่าทุกปี เนื่องจากนโยบายของผู้ว่าจังหวัดเชียงใหม่มีความประสงค์อยากให้ปัญหานี้ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เรามีนโยบายที่เกิดจากมติของที่ประชุมคือการทำบันทึกข้อตกลงร่วมหรือ MOU ระหว่าง 4 จังหวัดคือ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ในการกำหนดแนวทางร่วมกันและบูรณาการทำงานร่วมกัน และวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ จะมีการพูดคุยกันทั้ง 4 จังหวัด
ส่วนสถานการณ์ปีนี้-ปีหน้า ได้มีการวางแผน กำหนดพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงหรือพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซากอยู่ 8 พื้นที่ด้วยกัน เพื่อจัดลำดับบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อให้เกิดความเข้มข้นในการบริหารจัดการ มากกว่านั้นได้มีการเปิดให้ตรวจสุขภาพฟรี ตรวจความพร้อมของจิตอาสาที่เข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่า
นายประดิษฐ์ สีใส ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 กล่าวถึงภารกิจในการแจ้งเตือน เฝ้าระวัง คาดการณ์ฝุ่นละออง คุณภาพอากาศล่วงหน้า 7 วัน รวมถึงทำโมเดลพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด ระหว่างประเทศ ทิศทาง คุณภาพอากาศ ค่าฝุ่น จะเป็นไปในทิศทางไหน โดยจะเป็นการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือน อีกทั้งการบริหารจัดการข้อมูลเฝ้าระวังโดยภาพรวมทั้ง 14 จังหวัดภาคเหนือด้วย ในจังหวัดเชียงใหม่ได้เพิ่มสถานีตรวจวัดจากมีเพียงหนึ่งแห่งเพิ่มเป็น 6 แห่งแล้ว และในจังหวัดลำพูนจากมีเพียงที่เดียว ได้เพิ่มไปที่ อ.ลี้ อีกแห่งหนึ่งแล้ว
ต่อมา นายแพทย์กาจบัณฑิต สุรสิทธิ์ ผู้แทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ กล่าวถึงหมอกควันไฟป่ากับโอกาสที่จะเกิดโรคมะเร็งปอดมีมากน้อยแค่ไหน รวมถึงวิธีการหรือแนวทางในการป้องกันตนเอง สถิติของประชาชนในภาคเหนือที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดมีอัตราสูงขึ้นเรื่อย ๆ คือประมาณ 25 รายต่อ 100,000 ประชากร หากใครมีความเสี่ยงสูง เป็นผู้สูงอายุ เรามีการคัดกรองโดยการทำ CT scan ความดันรังสีต่ำ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้เร็วทันท่วงที
สุดท้าย นางสาวสุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจ, กองเลขานุการสมัชชาสุขภาพจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “สภาลมหายใจเป็นพื้นที่ของประชาชน ทุกคน ไม่ใช่เพียงดิฉัน ทุกคนสามารถที่จะส่งสัญญาณ บอกกล่าวว่าสถานการณ์ PM 2.5 เป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ดีที่เราจะไม่พูดถึง hotspot เลย เนื่องจากเป็น KPI ที่ไม่ถูกต้องแล้ว แต่เราไปพูดถึงพื้นที่ที่เกิดไฟซ้ำซาก ไฟต่อเนื่อง พื้นที่เขตรอยต่อระหว่างตำบลหรืออำเภอ ซึ่งอันนั้นเป็นเรื่องที่มีความก้าวหน้า เราควรดูไปถึงวิธีการบริหารจัดการไปด้วยกัน
สิ่งที่เรายังไม่ได้ยิน ในเรื่องวิธีการที่มันจะบริหารจัดการไฟ มันจะใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ไหวหรือไม่ เพียงพอหรือไม่ ที่ผ่านมาบอกว่าไฟป่าไหม้เยอะมาก เป็นแสนไร่ มีเจ้าหน้าที่ดับไฟอยู่ 20 นาย มีทหารมาช่วย รวมถึงมีผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันถูกบังคับว่าต้องไปดับไฟ แล้วชาวบ้านอยู่ตรงไหน อปท.อยู่ตรงไหน แล้วจะช่วยไปจัดการ ร่วมมือใน 9 พื้นที่นี้อย่างไร อันนี้สภาลมหายใจมีปฏิบัติการระดับพื้นที่อยู่ตอนนี้ เราก็สนับสนุนให้ภาคประชาชนที่ทำงานในพื้นที่ อย่างน้อยตอนนี้ในเขตแถวอุทยานแห่งชาติศรีลานนา เราลงไปทำงานในระดับตำบลว่าภาคประชาชนต้องเข้าใจสถานการณ์นี้ เข้าไปร่วมกับอปท. ไปผลักดันให้อปท. สามารถมีการประกาศที่จะใช้งบประมาณที่จะสนับสนุนทีมดับไฟ แต่อันนี้มันเป็นแค่ปฏิบัติการในช่วงฤดูไฟ
จากการรายงานในวันนี้ ไม่ว่าเราจะพยายามอย่างไร ไม่มีทางที่ฝุ่นควันในฤดูวิกฤติมันจะลดลง อย่างไรเราต้องป้องกันตัวเองอย่างที่แพทย์กล่าว คือมันไม่มีการประกาศ อย่างเช่น ตอนนี้เราไม่ใช้ค่าฝุ่นไม่เกิน 50 mg. ต่อค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงแล้ว เรากำลังขยับไปที่ค่าฝุ่นต้องไม่เกิน 37.5 mg. ในเดือนมิถุนายนปีหน้า แต่ทำไมจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีการประกาศ เมื่อพบว่าเซ็นเซอร์พบค่าฝุ่นที่เกิน 37.5 mg. แล้วต้องประกาศ และทำให้ประชาชนอยู่ในภาวะปลอดฝุ่นให้ได้ หน้ากากกันฝุ่นมีราคาถูกลง เบื้องต้นจึงขอเสนอให้มีการแจกหน้ากากกันฝุ่นที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนไปก่อนเบื้องต้น
ขอให้มีการประกาศในภาวะวิกฤติและขอให้ทุกคนปลดล็อคกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ต้องผลักดันต่อไปคือ ถ้าเรารู้ว่ามันทำให้เกิดมะเร็ง มะเร็งปอดมันใช้เวลา อีกทั้งมันอาจจะมาจากสาเหตุอื่น ๆ เราจะต้องไปตรวจสุขภาพ เราจะต้องใช้การเอ็กซเรย์ แบบรังสีความดันต่ำ ซึ่งเราไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แต่สิ่งนี้เราต้องบอกว่าคนในภาคเหนือหรือคนในประเทศต้องได้รับการเข้าถึงการเอ็กซเรย์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ตอนนี้ระบบประกันสุขภาพ ระบบบัตรทอง ให้เอ็กเรย์ปอดเฉพาะกลุ่ม แต่เราจะผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงการเอ็กซเรย์ เราต้องเริ่มต้นทำในจังหวัดเชียงใหม่ของเรา
สุดท้ายคือเราทุกคนต้องยอมรับว่าเรายังอยู่กับฝุ่น แต่เราต้องไม่รับมือแบบ passive ถึงแม้ว่าเราจะพูดเรื่องหน้ากาก มันเป็นการพูดในเชิงตั้งรับ แต่มันจำเป็น ยังไงเราต้องดูแลตัวเองก่อนในตอนนี้ ช่วยให้คนที่อยู่ข้างเคียงเรา คนที่เป็นผู้ป่วยสามารถเข้าถึงหน้ากาก เข้าถึงนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฟอกอากาศ นวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศที่สามารถทำเองได้ เราต้องช่วยกันให้คนทุกคนสามารถเข้าถึงได้
สิ่งที่ดีที่สุดที่วันนี้เราคุยกันคือ เราไม่ได้ชี้ว่าชาวบ้านเป็นคนผิดในกรณีไฟป่าขนาดใหญ่ แต่เรากำลังพูดในภาพรวมว่าเรากำลังเผชิญร่วมกัน และไฟป่าที่เกิดขึ้นจากจุดอ่อน จุดบกพร่องทั้งของหน่วยงานรัฐเอง หรือของประชาชนเองด้วย ตอนนี้สภาลมหายใจกำลังผลักดันในเรื่องเศรษฐกิจสีเขียว การบริหารจัดการเชื้อเพลิงในเขตป่าของเราโดยที่ไม่ต้องใช้ไฟ ไฟที่ไม่จำเป็นเราจะไม่ใช้”
อ้างอิงข้อมูล
แถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 8/2565 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565
ประชาธรรมคือองค์กรสื่อทางเลือกที่ก่อตั้งเมื่อปี 2542 โดยกลุ่มนักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรชุมชนในเขตภาคเหนือ