27 ตุลาคม 2566

เมื่อวันนี้ (27 ตุลาคม 2566) โรงเรียนบ้านหนองโค้งร่วมกับโรงเรียนสันกำแพง และมูลนิธิสื่อประชาธรรม จัดกิจกรรมอบรม “เปลี่ยนสันกำแพงด้วยพลังเยาวชน: ชวนเยาวชนทำปุ๋ยหมักฉำฉา สร้างรายได้ให้ชุมชน” โดยครั้งนี้เยาวชนโรงเรียนบ้านหนองโค้งนำทีมเป็นแกนนำปฏิบัติการทำปุ๋ยหมัก

ด้าน กฤตย์ เข็มเพชร ปลัดอาวุโส อำเภอสันกำแพงกล่าวเปิดงานว่า “รู้สึกดีใจกับการดำเนินกิจกรรมของโรงเรียนบ้านหนองโค้งในการให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมทำปุ่ยหมักจากต้นฉำฉา ซึ่งจะเป็นการทำให้คนในสันกำแพง และคนภายนอกได้เห็นประโยชน์ของต้นฉำฉาที่คนสันกำแพงได้ร่วมกันฟื้นฟูและรักษาไว้”

“ปัจจุบันคณะกรรมการอนุรักษ์ต้นจามจุรีสันกำแพง (อยู่ในขั้นตอนเปลี่ยนชื่อเป็นคณะกรรมการฟื้นฟูต้นจามจุรีสันกำแพง) ก็พยายามที่จะทำให้ถนนนี้เป็นถนนที่ทั้งสวยงามและปลอดภัย ดังนั้นกิจกรรมของเยาวชนนี้ก็จะไปช่วยเสริม และรณรงค์ให้คนเข้าใจประโยชน์ของต้นฉำฉามากขึ้น” กฤตย์ เข็มเพชร กล่าว

ต่อมา อธิพันธ์ กันทอน ครูโรงเรียนบ้านหนองโค้ง กล่าวถึงความสำคัญของการทำปุ๋ยหมักฉำฉาในครั้งนี้ว่าเพื่อให้กับคนในชุมชนได้รับรู้ว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ต่อยอด สร้างรายได้ สร้างอาชีพจากสิ่งนี้ และอธิบายถึงขั้นตอนในการทำปุ๋ยหมัก

กิจกรรมปุ๋ยหมักในบ่อตาข่าย เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด คือไม่ต้องกักกรอง ใช้เวลาขั้นต่ำ 60 วันหรือ 2 เดือน เป็นต้นไป โดยวัสดุ อุปกรณ์ มีดังนี้ 1) ใบฉำฉา 2) มูลสัตว์ 3) จุลินทรีย์ EM และ 4) บ่อตาข่าย

ด้าน กุลธิดา แซ่หย่าง เยาวชนจากโรงเรียนบ้านหนองโค้ง พูดถึงความรู้สึกหลังจากได้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ว่า “การเป็นแกนนำ รู้สึกไม่ง่าย การที่จะให้ความรู้คนอื่น แต่การเป็นผู้นำก็ไม่แย่เสมอไป แต่มันสนุกในการทำกิจกรรมร่วมกัน การที่มีความคิดหลากหลาย เช่น อย่างเรื่องฉำฉา มีความคิดแตกต่างกันไป เมื่อก่อนก็เฉย ๆ รู้สึกว่าได้รู้จักกันมากขึ้น อยากให้คนในชุมชนและสัญจรไปมาคิดแบบเรา”

“เรื่องการสื่อสารต่อ หลัก ๆ ก็เอาไปคุยที่บ้าน ที่บ้านมองว่า ถ้าเราจะอนุรักษ์ เราต้องดูว่าเห็นด้วยกับเราไหม เรามีความสามารถแค่ไหนที่จะทำอะไรได้บ้าง บางทีเด็กอย่างเราก็ไม่น่าจะเชื่อถือ” 

ด้าน อุไรรัตน์ ฐาปนพิพัฒน์ เยาวชนจากโรงเรียนสันกำแพง ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกว่าเป็นประโยชน์กับทั้งโรงเรียน ได้เครือข่ายเพิ่ม รู้สึกว่าในบทบาทเยาวชนที่เข้าใจอะไรได้ง่าย อาจจะมีความคิด การสื่อสารมันก็สำคัญ ให้รู้ว่ามันสร้างรายได้กับชุมชน ให้ความรู้กับนักเรียนได้ทำต่อในอนาคต”

Similar Posts